วันพุธที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2559

41 การดูแลกล้วยไม้ฟาแลนนอปซิสแบบคร่าวๆ


ฟาแลนฯ เป็นกล้วยไม้ที่ชอบความซื้นสูงมากๆ เลยเสี่ยงต่อการเกิดเชื้อรามากๆ เค้าชอบอากาศค่อนข้างเย็นๆ จึงนิยมปลูกในภาคเหนือในระบบอีแว๊ป(โรงเรือนปิด)
.
การจะเอากล้วยไม้จากโรงเรือนปิดออกมาเลี้ยงภายนอกใต้แสลน จึงต้องค่อยๆปรับช้าๆ ให้เค้าชินกับสภาพอากาศที่ร้อนขึ้น ความชื้นต่ำลง และกระแสลม จึงจะรอด
.
เรื่องของรากสำคัญสุดสำหรับ ฟาแลนฯ ต้องโปร่งแต่ชื้นและแสงต้องผ่านได้บ้าง ตามฟาร์มจึงเน้นกระถางโปร่งแสง มากกว่ากระถางสีดำทึบ เพราะรากเค้าต้องการแสงบ้างเพื่อลดเชื้อรา
.
ซื้งเชื้อราดำเป็นศัตรูอันดับ 1 ขอฟาแลนฯ ซึ่งเกิดได้ง่ายมากๆในกระถางสีทึบ แม้จะป้องกันด้วยยากันเชื้อราแล้วก็ตาม
.
สำหรับยากันเชื้อรา 7 วันครั้งหรือตามฉลากที่ระบุ ใช้ไตรโคเดอรม่าควบคุมเชื้อราก็จะประหยัดได้เหมือนกันเพราะเชื้ออยู่ได้นาน หลายๆเดือนโดยไม่ต้องฉีดพ่นบ่อยๆ แต่ไตรโครเดอรม่าเป็นเชื้อราเขียวที่กินเชื้อราชนิดอื่นๆ จึงห้ามใช้ยาฆ่าเชื้อราไปรดซ้ำเพราะเค้าแพ้ยาฆ่าเชื้อรา
.
เนื่องจากรากของฟาแลนฯ ชอบความชื้นสูงมากจึงไม่สามารถขาดน้ำ เค้าจึงใช้สแฟกนั่มมอสผสมเครื่องปลูก หรือใช้เป็นเครื่องปลูกหลักๆ
แต่ๆหลังจากเทสว่าถ้าผสมเครื่องปลูกชนิดอื่นๆที่โปร่งไม่อมน้ำ รากฟาแลนเดินดีกว่าเร็วกว่า รากไม่ไปขดตัวอยู่ที่ก้นกระถาง และผิวขอบกระถางส่วนกลางกระถางรากไม่เดินเพราะทึบเกินไป
.
ฟาแลนฯรากเค้าต้องการอากาศเหมือนกัน แต่น้อยกว่าสายพันธุ์อื่นมากๆ สังเกตคือรากไม่ค่อยออกจากกระถางไม่โผลพ้นก้นกระถาง เลือกที่จะพันรอบๆในกระถาง
.
ส่วนเรื่องแสงให้ดูตามสายพันธุ์แต่ส่วนมากจะน้อยกว่าหวาย คือแสงน้อยอากาศเย็น เค้าจะชอบโตไว ยิ่งช่วงหน้าฝนจะโตไวถ้าให้ยากันเชื้อราสม่ำเสมอจะทำให้ต้นโตไวแข็งแรง (แสงประมาณ 20-30)
.
เน้นอีกทีเรื่องราก รากเค้าไม่มีแห้งย่น แต่แห้งกรอบเลยถ้าขาดความชื้นเกิน 2 ชั่วโมงคือรากเสียแล้วจะเสียเลยไม่เหมือนช้างหรือแวนด้าที่รากอากาศขาดน้ำ แค่ย่นหดได้รับน้ำมากก็กลับมาสู่สภาพเดิมได้ สังเกตจากรากที่อยู่บนๆถ้าโผล่พ้นสแฟกนั่มมอสที่ปลูกอยู่มาก จะแห้งไปเอง ไม่อาจคงอยู่ได้
.
กระถางควรใช้กระถางโปรงแสง ไม่ต้องมีรูพรุนแบบกระถางกล้วยไม้ทั่วไป แค่มีรูก้นกระถางเค้าชอบ เพราะรากชอบไปก้นกระถางก่อนแล้วค่อยๆไปส่วนอื่นๆ(วนๆอยู่ผิวกระถาง ) ถ้ากระถางใสๆจะเห็นง่ายมากๆ
.
กรณีต้นใหญ่หากระถางใสๆไม่ได้จริงๆ ก็หาโหลพลาสติกเจาะรูเอา เพื่อ ใช้เป็นกระถาง
.
ส่วนดินมะยมอัดเม็ดไม่แนะนำ ราขึ้นง่ายมากๆ เอาแบบเมืองนอกไม่ได้เพราะเค้าอากาศเย็นจึงนิยมใช้ดินเผาเม็ดมะยม เพราะราเกิดยากอากาศเค้าเย็นกว่าแห้งกว่า กากมะพร้าวก็ไม่แนะนำเพราะอยู่ในกระถางอับชื้นจะเกิดราได้ง่าย จึงไม่ควรใช้กาบมาะพร้าวเป็นเครื่องปลูก
.
ปุ๋ยผสมน้ำดีสุด ไม่ควรใช้อ๊อดโมคอส เพราะรากจะใหม้เอาง่ายๆ ยกเว้นสูตร 11-11-11 ซึ่งค่าปุ๋ยไม่แรงเกิน
.
การรดน้ำ ถ้าเครื่องปลูกหมาดๆใกล้แห้งรดได้เลย ไม่ต้องรอเป๊ะ 5-7วัน ให้ดูสภาพแวดล้อมที่เลี้ยงเป็นหลัก บางที่ร้อนมาก 3 วันเครื่องปลูกก็แห้งแล้ว ต้องรด
.
ส่วนเครื่องปลูกไม่อมความชื้นหรือความชื้นน้อยก็รดบ่อยๆหน่อย ไม่งั้นรากจะแห้ง ทิ้งใบใบเหลือง
.
ส่วนโรคเน่ายอดเป็นโรคฮิตต้องคอยระวังไม่ให้น้ำขังยอดใบหรือโคนใบบนวิธีรด น้ำที่ถูกวิธีคือรดที่เครื่องปลูกไม่ควรไปโดนใบ ยกเว้นพ่นยากันเชื้อรา
.
โรคใบเหลือง บางที่เกิดจากรากเสียทำให้ทิ้งใบร่างเพื่อลดใบทิ้งใบให้พอกับอาหารที่เค้ามี คล้ายๆช้างออกดอกจะทิ้งใบร่างๆก่อนเพราะเอาอาหารไปเลี้ยงช่อดอกมาก จึงทำให้ต้องสลัดใบทิ้ง
.
ส่วนโรคกล้วยไม้ฟาแลนเค้าก็เป็นได้เกือบทุกโรคที่กล้วยไม้อื่นเป็น แก้ไปตามอาการที่เจอ แต่ถ้าพ่นยากันเชื้อรากันแมลงสม่ำเสมอก็หายห่วงไปได้เปาะ 1 แต่ก็ไว้ใจไม่ได้ ถ้าใบมีแหว่งเสียจากหนอนผีเสื้อตัดรอบใบเผลอที่โดนกัดแล้วทาปูนแดงบางๆ(ย้ำ ว่าบางๆพอมากไปปูนเข้าใบใบเสียทั้งใบเน้อ)
.
ปล.ยาวเนอะ ส่วนพวกเขากวางหรือฟาแลนใบกลม อันนั้นรากไม่ต้องการความชื้นเท่าฟาแลน รากต้องการความชื้นบ้างพอๆกับหวาย จึงมักจะมัดกับตอหรือลงกระถางที่มีกากมะพร้าวเน้อ

1 ความคิดเห็น: