วันพฤหัสบดีที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2559

37 เชื้อราบิวเวอรเรีย ใช้ในการกำจัดแมลงศัตรูพืชได้หลายชนิด

เชื้อราบิวเวอร์เรีย ( Beauveria bassiasna) เชื้อรากำจัดแมลงโดยธรรมชาติ
เป็นเชื้อจุลินทรีย์สายพันธุ์ที่ทำให้เกิดโรคกับแมลง ซึ่งสามารถทำลายแมลงได้หลายชนิด

กลไกการเข้าทำลายแมลงของเชื้อราบิวเวอร์เรีย คือ เมื่อสปอร์ของเชื้อราสัมผัสกับผิวของแมลง ในสภาพความชื้นที่เหมาะสม (ความชื้นสัมพัทธ์ 50 % ขึ้นไป) จะงอกเส้นใยแทงผ่านผิวหนังเข้าไปในลำตัวแมลง

และขยายจำนวนเจริญอยู่ภายในโดยใช้เนื้อเยื่อของแมลงเป็นอาหาร แมลงจะตายในที่สุด ภายในระยะเวลาต่างๆ ขึ้นอยู่กับชนิด ขนาด และวัยของแมลง โดยทั่วไปประมาณ 3 – 14 วัน

ประโยชน์ของเชื้อราบิวเวอรเรีย

บิวเวอรเรีย เป็นเชื้อจุลินทรีย์ที่จัดเป็นพวก //เชื้อราปรสิตกำจัดแมลง//โดยสามารถทำลายแมลงได้หลากหลายชนิด เช่น แมลงหวี่ขาว(Whitefly) , เพลี้ยไฟ (Thrips) , ไรแดง (Red spider mite) , เพลี้ยอ่อน (Aphids) ,ไรขาว, เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล ,เพลี้ยจักจั่น ,เพลี้ยอ่อนส้ม , เพลี้ยไก่แจ้ , บั่ว ,หนอนห่อใบหนอนผีเสื้อต่าง ,แมลงวัน ,ยุง ,ด้วง ,เพลี้ยจักจั่น ,แมลงค่อมทอง , และ นอกจากนี้ยังมีรายงานว่าสามารถกำจัดปลวก และมดคันไฟได้ ทำให้มดและปลวกตายยกรังได้ ฯลฯ

เชื้อราบิวเวอร์เรีย เป็นเชื้อจุลินทรีย์ที่มีความปลอดภัยในการใช้งานสูง ไม่เป็นอันตรายต่อคนและสัตว์เลี้ยง จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมและกำจัดแมลง

ปล.แต่บิ วเวอรเรียไม่อาจกำจัดหนอนหรือแมลงบางตัว จึงอาจต้องใช้ เมธาไรเชี่ยมซึ่งเป็นเชื้อราเขียวกำจัดแมลงด้วย (แล้วแต่กรณีว่าท่านเจอแมลงศัตรูพืชอะไรบ้างถ้าบิวเวอรเรียเอาอยู่ก็อยู่เอา ไม่อยู่ก็เมธาไรเซียมเสริมเข้าไป อ่อใช้ทีละอย่างเน้อ เพราะมันจะแย้งที่อยู่กัน )

---------------------------------------

 หลักการทำงานของเชื้อบิวเวอร์เรีย

เนื่องจากสปอร์ของเชื้อราบิวเวอร์เรียที่ตกที่ผนังลำตัวแมลง
เข้าสู่ตัวแมลงทางผนังลำตัว รูหายใจ บาดแผลบนผนังลำตัว
เมื่อมีสภาพที่เหมาะสมสปอร์จะงอกแทงทะลุผ่านลำตัวแมลงเข้าไปไชช่องว่างภายในลำตัวและเจริญเติบโตเป็นเส้นใยท่อนสั้นๆ ทำลายเซลล์เม็ดเลือดในตัวของแมลง
ทำให้แมลงเป็นอัมพาตและตายไปในที่สุด หลังจากแมลงตายแล้วเชื้อราจะสร้างสปอร์แพร่กระจายได้ตามธรรมชาติ สามารถทำลายแมลงได้ทุกระยะ


ความชื้นเหมาะสมกับการงอก สปอร์จะแทงทลุผิวหนังลำตัว เชื้อราจะงอกสู่ช่องว่างลำตัวแมลงเจริญเติบโตสร้างเส้นใยมากมายทำลายแมลง
เมื่อแมลงตาย เส้นใยจะแทงผ่านผนังลำตัวแมลงออกสู่ภายนอกตัวแมลง

สปอร์จะแพร่กระจายไปตามลม ฝนหรือติดกับตัวแมลง เชื้อราจึงสามารถขยายพันธุ์ต่อได้ และเมื่อสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมก็จะทำลายแมลงศัตรูต่อไป

ลักษณะอาการของแมลงที่ถูกเชื้อราบิวเวอเรียเข้าทำลาย
แมลงที่ถูกทำลายจะแสดงอาการของการเป็นโรคคือ เบื่ออาหาร กินน้อยลง อ่อนเพลียและไม่เคลื่อนไหว
สีผนังลำตัวแมลงมักจะเปลี่ยนไป ปรากฎจุดสีดำบนบริเวณที่ถูกเชื้อราเข้าทำลาย
พบเส้ยใย และผงสีขาว ของสปอร์ปกคลุมตัวแมลงที่ถูกเชื้อราเข้าทำลาย

 ---------------------------------------------
การใช้เชื้อราบิวเวอร์เรียควบคุมศัตรูพืช

เนื่องจากเชื้อค่อนข้างอ่อนแอต่อแสงแดด และอุณหภูมิสูง
จึงควรใช้เชื้อราบิวเวอร์เรียในช่วงเวลาเย็นถึงค่ำ
ก่อนฉีดต้องกรองเอากากที่หมักเชื้อให้เรียบร้อยสะก่อนเพื่อไม่ให้อุดตัดหัวพ่นหรือตัวกรองหัวพ่น
โดยการเอาผ้ามุ้งหรือผ้าขาวบางหรือผ้าที่ใช้ทำกระชอนช้อนปลามากรองหรือผ้าอื่นๆเพื่อกรอกเอากากของการเพาะเชื้อออก

 นำเชื้อราบิวเวอร์เรีย 1-2 กก./น้ำ 20 ลิตร แบ่งออกเป็น 2 ส่วน โดยนำน้ำ 5 ลิตร

ขยำก้อนเชื้อกับน้ำให้สปอร์เชื้อราหลุดจากเมล็ดข้าวโพดแล้วกรอง ด้วยผ้าบางๆ แล้วจึงนำไปผสมกับน้ำอีก 15 ลิตร ผสมกับสารจับใบ(ตามฉลาก) คนให้เข้ากัน นำไปฉีดพ้นในช่วงเช้าตรู่หรือเย็นแดดอ่อน(ช่วงเย็นดีที่สุดเมื่อพ่นไปแล้ว
เชื้อรามีช่วงเวลาฟื้นตัวนานก่อนที่จะพบกับอากาศร้อนช่วงกลางวันวันถัดไป) ควรปรับหัวฉีดให้พ่นเป็นฝอยละเอียดจะทำให้ได้ผลดีและได้พื้นที่เพิ่มขึ้น และควรติดตามตรวจสอบเมื่อฉีดพ่นได้ 2-3 วัน

ข้อควรระวังในการใช้ แม้นว่าจะปลอดภัยจับต้องได้แต่อยากให้ สวมถุงมือ ปิดปาก ปิดจมูก เหมือนกับใช้สารเคมีทั่วไปเพื่อป้องกันอุบัติเหตโดยไม่ตั้งใจ เช่นเผลอสูดดมเข้าไปจำนวนมาก หรือเข้าหู เข้าปาก อาจทำให้ป่วยเล็กๆน้อยๆได้ เช่นหูมีเชื้อราอาจจะคันหูได้ หรือปากมีเชื้อราตกค้างทำให้ท้องเสียได้ (แต่น้อยมากที่จะเกิดป้องกันไว้ก่อนก็ดีครับรู้ว่าปลอดภัยแต่อะไรๆมันก็ไม่แน่)

ถ้าจะให้ดีควรแยกเครื่องพ่นสำหรับบิวเวอร์เรียจากสารเคมีฆ่าเชื้อราเพราะยาฆ่าเชื้อราติดหลงเหลืออยู่ในถังพ่น หลีกเลี้ยงใช้ร่วมกับ เชื้อราไตรโครเดอรม่าด้วย เพราะมันจะกินเชื้อราบิวเวอรเรีย ซึ่งถ้าติดหลงเหลืออยู่ในถังอาจทำให้ประสิทธิ์ภาพลดลงหรืออาจไม่ได้ผล

หรือไม่มีเครื่องพ่นหลายๆตัวก็ควรล้างเครื่องฉีดพ้นที่เคยพ่นสารเคมีฆ่าเชื้อราหรือเชื้อราไตรโครเดอรม่าให้สะอาดโดยอาจล้างหลายๆน้ำเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีตกค้าง

 ระหว่างที่ฉีด ให้เขย่าถังฉีดนบ้างเพื่อไห้เชื้อกระจายอย่างสม่ำเสมอในถัง และควรปรับหัวฉีดให้พ่นฝอยละเอียด จะฉีดได้ผลดีและได้พื้นที่เพิ่มขึ้น ควรฉีดเหนือลม จะได้ควบคุมการฉีดพ่นได้ดีกว่า
ใช้สารจับใบร่วมด้วยจะทำให้เพิ่มประสิทธิภาพได้มากขึ้นเพราะจะเกาะอยู่บนพืชนานขึ้นและทำให้โดนตัวแมลงที่หลบอยู่ง่ายขึ้นนั้นเอง 

 การใช้เชื้อราบิวเวอร์เรียในช่วงฤดูแล้ง หรืออากาศแห้งแล้ง อาจจำเป็นต้องเพิ่มความชื้นโดยการให้น้ำ หรือพ่นละอองน้ำ ก่อนและหลังการใช้ และก่อนนำเชื้อราไปใช้ควร นำเชื้อราตามอัตราส่วนที่ต้องการไปแช่น้ำอย่างน้อย 4 ชั่วโมงแต่ไม่ควรเกิน 24 ชั่วโมง และเพิ่มอาหารของเชื้อด้วยนมข้น /น้ำหวาน / กากน้ำตาล เพื่อให้เชื้อมีปริมาณและประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น สามารถทำให้แมลงตายได้ภายใน 1 – 2 วัน

 เชื้อราบิวเวอร์เรียสามารถทำลายแมลงได้หลายชนิดมากๆ รวมถึงแมลงที่มีประโยชน์ศัตรูธรรมชาติของแมลงศัตรูพืชด้วย ถ้ามีแมลงที่กินแมลงทำลายพืชผลอยู่มาก ก็ควรงด หรือชะลอการฉีดออกไป ให้ธรรมชาติจัดการ คือปล่อยให้แมลงทำลายแมลงนั้นเอง คือห่วงโซ่ของอาหารแมลงนั้นเอง
----
 เทคนิคการวางเชื้อแทนการฉีดพ่น ใส่เชื้อราบิวเวอร์เรียในกระบอกหรือขวดน้ำที่ตัดเป็นกระบอก สำหรับใส่น้ำที่มีเชื้อราบิวเวอร์เรียเมื่อ ตัดและทำกระบอกได้ทรงตรงตามที่ต้องการแล้วนำเชือกมาผูกกับเสาหรือตะขอ หรือลวดสำหรับแขวน สูงประมาณครึ่งเมตร ตั้งให้ห่างกัน 10-20เมตร(แล้วแต่การระบาดของแมลงถ้าระบาดมากก็วางชิดหน่อยระบาดน้อยก็วางห่างหน่อย)   สำหรับการใช้กระบอก ให้ตัดเหลือพอที่จะเจาะรูสำหรับแขวนได้ หรือมีอะไรรองรับไว้ด้วยก็ได้ครับ 

และใส่น้ำที่มีเชื้อราไม่ควรเต็มควรเหลือเนื้อที่ปากกระบอกไว้ประมาณ 2 เซนเพื้อกันน้ำปลิวตกหมด จุดประสงค์คือ ให้ลมพัดพาแต่สปอร์ล่องลอยไปตกลงในพืชหรือเครื่องปลูกเปื้อนติดตัวแมลงศัตรูพืช และทำลายจนตายก่อนที่จะขยายพันธุ์โดยอาศัยตัวแมลงพร้อมกับขยายเจริญเติบโต ซึ่งเทคนิคนี้เป็นการเสริมนอกจากการฉีดพ่น หรือจะดัดแปลงใช้แบบอื่นเพื่อประสิทธิ์ภาพดียิ่งขึ้น

 -------------------------------------------------------

การผลิตเชื้อราบิวเวอร์เรีย หรือต่อเชื้อไว้ใช้



การบ่มเชื้อ นำไปเก็บไว้ในที่เย็นไม่โดนแดด แต่จะต้องให้ได้รับแสงสว่างอย่างน้อยวันละ 6 ชม.และอย่าให้ถูกความร้อน (สำหรับตนเองเอาไว้ในห้องน้ำ) ทิ้งไว้ 15 วันสังเกตเส้นใยสีขาวเดินรอบถุงจึงนำออกเก็บไว้ในที่เย็นไม่ให้โดนความร้อน ถ้าเป็นโรงเก็บรถหรือเก็บของจะต้องใช้วัสดุป้องกันไอร้อนกระทบกับก้อนเชื้อ ราบิวเวอร์เรียเสียหายได้
การเก็บรักษาเมื่อเชื้อเดินเต็มแล้ว ควรเก็บไว้ในที่แห้งและเย็น จะทำให้เก็บไว้ได้นานขึ้น



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น